เคล็ดลับการใช้งาน Harmonic Pattern
บทเรียนแนะนำ Momentum Hunter EA คลิกที่ลิงก์นี้
เคล็ดลับการใช้งาน Harmonic Pattern
บทเรียนครั้งนี้จะเป็นการปูพื้นฐานเรื่อง Harmonic Pattern ให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงหลักการใช้ Harmonic Pattern ในการเทรด การหาจุดเข้าออเดอร์ที่ได้ SL แคบๆ การหาระยะวาง TP เพื่อทำกำไรได้ชัวร์ วิธีการสังเกตุรูปแบบ และ วิธีการวัดสัดส่วนของ Harmonic Pattern รูปแบบต่างๆ
เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมก่อนจะเข้าสู่การออกแบบระบบ Auto Harmonic Pattern EA หรือ การสร้างเครื่องมือ Auto Scan Harmonic Pattern ด้วย FXdreema ในตอนท้ายของบทเรียนนี้
https://topindy.com/fxdreema/harmonic-pattern
การเทรดด้วย Harmonic Pattern แตกต่างจากการเทรดด้วยเทคนิคอื่นๆอย่างไร
เทคนิคที่ใช้ในการเทรดหลักๆ จะมี 3 แบบคือ
1. การเทรดด้วยอินดิเคเตอร์ การเทรดด้วยอินดิเคเตอร์จะแม่นยำได้ผลดีก็เฉพาะตอนที่ตลาดวิ่งเป็นเทรนด์ที่แข็งแรง แต่เมื่อตลาดเกิดความผันผวนสัญญาณอินดิเคเตอร์จะแสดงผลช้ากว่าราคาในตลาดทำให้เข้าออเดอร์แล้วผิดทางบ่อยๆ
2. เทรดด้วยกราฟเปล่า หรือ ใช้กราฟเปล่าร่วมกับเครื่องมือที่ต้องตีเส้นเอง เช่น เส้นฟิโบนัชชี หรือ เส้นแนวรับ แนวต้านต่างๆ หรือ ใช้การมองโครงสร้างราคา หา CHoCH , BoS การเทรดด้วยเทคนิคนี้จะแม่นยำกว่าการใช้อินดิเคเตอร์ตามข้อที่ 1 แต่ต้องอาศัยประสบการณ์ และ ต้องตีความรูปแบบพฤติกรรมของกราฟให้ถูกต้องเป็นหัวใจหลัก ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่
3. การเทรดด้วย Price Pattern ซึ่งควบรวมถึงรูปแบบ Price Action ต่างๆ ทั้งหมด การใช้เทคนิคนี้ก็จะมีความแตกต่างกันไปตามรูปแบบ Pattern ที่ใช้ เช่น หากใช้ Pin bar หรือ Engulfing pattern หรือ Inside bar ,Outside bar และอื่นๆ ก็ต้องอาศัยการตีความ และ ประสบการณ์ เพราะบ่อยครั้งที่เกิดรูปแบบดังกล่าวแล้วราคาไม่ไปตามที่ศึกษามา
การเทรดด้วย Harmonic Pattern ก็รวมอยู่ในข้อที่ 3 นี้ด้วย แต่ Harmonic Pattern มีความแตกต่างตรงที่ มันอาจจะไม่จำเป็นต้องตีความใดๆก็ได้สำหรับมือใหม่ ขอแค่รอๆๆ ให้รูปแบบมันครบถ้วน A-B-C-D ก่อน แล้วค่อยเข้าออเดอร์ตามทิศทางสุดท้ายที่กลับตัวจาก D แค่นั้น
สิ่งที่มือใหม่มอง Harmonic Pattern เป็นเรื่องยุ่งยากเพราะรูปแบบที่เห็นกันจะมีตัวเลขกำกับที่รูปแบบทำให้ลายตาไปหมด ดูแล้วงงไม่เข้าใจ แต่หากศึกษาตามบทเรียนนี้แล้วจะเข้าใจถึงวิธีการเทรดด้วย Harmonic Pattern ว่ามันไม่ได้ยากอะไรเลย ขอแค่ตีเส้นฟิโบนัชชีเป็นแค่นั้นก็พอ แต่อย่าบอกนะว่าการตีเส้นฟิโบนัชชีเป็นเรื่องยาก…
ข้อดีของการเทรดด้วย Harmonic Pattern
ก่อนอื่นต้องปรับแนวคิดก่อนจะใช้งาน Harmonic Pattern ให้ถูกต้องเสียก่อน การเทรดด้วย Harmonic Pattern ให้ได้ผลต้องเกิดจากการรอคอยจุด D ที่ชัดเจนเท่านั้น รอนานแต่ได้กำไรมาก ดีกว่า การเทรดบ่อยแต่กำไรน้อยหรือไม่ก็มีความเสี่ยงในการขาดทุนสูง
Harmonic pattern เป็นเครื่องมือการวิเคราะห์กราฟราคาที่ใช้ในการค้นหาการกลับตัวของราคาอย่างแม่นยำ โดยจะอิงจาก Fibonacci Ratios เป็นหลัก ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนคาดการณ์แนวโน้มและจุดกลับตัวของตลาดได้ดีขึ้น ข้อดีหลักๆ ของการใช้ Harmonic pattern มีดังนี้
1. เพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์แนวโน้ม
Harmonic pattern มีความสามารถในการระบุจุดกลับตัวของราคาได้อย่างแม่นยำด้วย Fibonacci Ratios ที่เป็นระดับมาตรฐาน เช่น 61.8%, 78.6%, 88.6% , 127.2%, 161.8%, 261.8% เป็นต้น การที่รู้จุดที่มีความน่าจะเป็นสูงในการกลับตัวนี้ ช่วยให้ผู้เรียนตัดสินใจเข้าหรือออกจากการเทรดได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
2. สร้างโอกาสทำกำไรสูงจากการกลับตัวของราคา
Harmonic pattern สามารถช่วยระบุตำแหน่งที่มีความน่าจะเป็นสูงในการกลับตัวของราคา เช่น จุดที่กราฟเข้ามาสู่โซน Overbought หรือ Oversold ซึ่งมักจะเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการเข้าเทรดตามทิศทางกลับตัวของราคา โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวน
3. ลดความเสี่ยงในการเข้าเทรดผิดทิศทาง
เนื่องจาก Harmonic pattern ใช้การคำนวณจากระดับ Fibonacci อีกทั้งยังมีตำแหน่งที่ต้องยืนยันรูปแบบที่สมบูรณ์ของ Harmonic Pattern ถึง 4 ตำแหน่งคือ A, B, C, D จึงช่วยลดโอกาสการเข้าเทรดในทิศทางที่ผิดพลาดลงไปได้ สามารถได้จุดตั้ง Stop Loss ที่ชัดเจน และ มีระยะที่แคบ ซึ่งช่วยควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น
4. ประหยัดเวลาในการวิเคราะห์
เมื่อเข้าใจรูปแบบของ Harmonic pattern และการใช้งานแล้ว การหาจุดเข้าออกสามารถทำได้รวดเร็วขึ้น เนื่องจากแพทเทิร์นที่คำนวณจาก Fibonacci นั้นมักมีจุดเข้าออกที่เป็นโครงสร้างเดียวกัน การจำแนกรูปแบบต่างๆ เช่น Gartley , Bat , Butterfly , Crab ,Cypher จะทำให้สามารถระบุตำแหน่งที่เหมาะสมได้เร็วขึ้น
5. สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นเพื่อเสริมความมั่นใจ
Harmonic pattern สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่น RSI, MACD หรือแนวรับแนวต้านได้ ซึ่งจะช่วยให้การวิเคราะห์มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือมากขึ้น
ตัวอย่าง Harmonic Patterns ที่นิยม
- Gartley Pattern
- ลักษณะ เป็นรูปแบบการกลับตัวคล้ายตัว M หรือ W
- ใช้บ่อยในเทรนด์หลัก เพราะมักให้สัญญาณที่แม่นยำ
- Bat Pattern
- ลักษณะ รูปแบบการกลับตัวคล้ายกับ Gartley
- เน้นการเข้าซื้อใกล้แนวรับแนวต้าน
- Butterfly Pattern
- ลักษณะ รูปแบบการกลับตัวที่มีการยืดออก (Extended)
- เหมาะสำหรับหาจุดกลับตัวที่สิ้นสุดแนวโน้ม
- Crab Pattern
- ลักษณะ มีการยืดออกสุดสุด (Extreme Extension)
- ให้สัญญาณกลับตัวที่แม่นยำแต่ต้องยอมรับการผันผวนสูง
- Cypher Pattern
- ลักษณะ รูปแบบการกลับตัวที่ไม่เหมือน Harmonic อื่นๆ
- มักใช้ในเทรนด์ที่ผันผวนสูง เพราะรูปแบบมีความยืดหยุ่นมาก
การเทรดด้วย Harmonic pattern จะช่วยให้ผู้เรียนมีเครื่องมือที่ชัดเจนในการวางกลยุทธ์ ทำใหผู้เรียนเข้าใจพฤติกรรมของตลาดได้ดีขึ้น และสร้างโอกาสในการทำกำไรในจังหวะที่เหมาะสม
การคาดการณ์จุดเข้าออเดอร์ล่วงหน้าด้วย Harmonic Pattern
รูปแบบ Harmonic Pattern ทุกๆรูปแบบโดยภาพรวมของพฤติกรรมการเคลื่อนที่ของราคาก็คือ “การย่อตัวสองรอบแล้วกลับตัวที่จุดสุดท้าย” เช่น ย่อตัวรอบแรกที่ B และ ย่อตัวรอบที่สองที่ D จากนั้นราคาก็จะกลับตัวที่จุด D นั้นเอง
การใช้ Harmonic pattern ช่วยให้สามารถคาดการณ์จุดเข้าออเดอร์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากเป็นการวิเคราะห์ตามโครงสร้างราคาโดยยึดจากจุดที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะจุด C ไป D และจุดที่ราคาอาจจะวิ่งออกจาก D ซึ่งมีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
1. คาดการณ์จุดเข้าออเดอร์ล่วงหน้าจากจุด C ไป D
เมื่อรู้โครงสร้างของ Harmonic pattern จะช่วยให้สามารถคาดการณ์จุด D ที่ราคามีแนวโน้มที่จะไปถึงได้ล่วงหน้า โดยอิงจากระดับ Fibonacci ที่ถูกต้อง เช่น ใน Gartley pattern หรือ Bat pattern จุด D มักจะอยู่ที่ระดับ Fibonacci 78.6% หรือ 88.6% ของขา X-A การคาดการณ์นี้ทำให้ผู้เรียนเตรียมตัวรอเข้าที่จุด D ได้ล่วงหน้า ลดความจำเป็นในการรอให้กราฟวิ่งถึงจุดนั้นก่อนเพื่อเปิดออเดอร์
2. การเข้าออเดอร์หลังจากราคาออกจากจุด D
จุด D ถือเป็นจุดสำคัญที่สามารถใช้ในการเปิดออเดอร์เทรด โดยหากราคาวิ่งออกจาก D ตามทิศทางที่คาดไว้ (เช่น การกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้นในจุด D) ผู้เรียนสามารถตั้งค่าออเดอร์ล่วงหน้าหรือเตรียมเปิดออเดอร์ตามแนวโน้มที่คาดการณ์ได้ ซึ่งช่วยให้การเข้าออเดอร์มีความแม่นยำสูง ลดโอกาสการเทรดผิดทิศทาง
3. จุดเข้าออเดอร์ที่มี Stop Loss (SL) ที่ไม่กว้าง
Harmonic pattern ให้โครงสร้างการเทรดที่ชัดเจนมาก ซึ่งทำให้สามารถตั้งจุด Stop Loss (SL) ได้ใกล้กับจุด D ได้อย่างมั่นใจ โดยปกติแล้ว SL จะถูกตั้งไว้หลังจุด D เล็กน้อย เช่น ในระยะห่างที่คำนวณจากระดับ Fibonacci ที่ไม่เกิน 5% หรืออิงจากการวิเคราะห์แนวรับแนวต้าน เพื่อให้ SL อยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยและควบคุมการขาดทุนให้น้อยที่สุด
การที่ SL ไม่กว้างมากเป็นข้อได้เปรียบ เพราะช่วยเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Risk-to-Reward Ratio) เมื่อเปรียบเทียบกับการตั้ง SL ในกรอบกว้าง โดยเฉพาะหากราคาวิ่งไปตามทิศทางที่คาดการณ์ การเทรดในจุดนี้จึงมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการขาดทุน
การใช้ Harmonic pattern ในการคาดการณ์จุดเข้าและออกจากออเดอร์นี้ ทำให้ผู้เรียนสามารถวางแผนการเทรดล่วงหน้าได้แม่นยำ โดยเฉพาะในจุดที่มีโอกาสกลับตัวสูง ขณะที่ SL ที่ไม่กว้างยังช่วยให้การจัดการความเสี่ยงและผลตอบแทนดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการเทรดทั้งแบบสั้นและยาวตามแนวโน้ม
วิธีวัดหาสัดส่วนของ Harmonic Pattern ในรูปแบบต่างๆ
ตามความจริงแล้วรูปแบบ Harmonic Pattern มีเป็นจำนวนมาก แต่ละรูปแบบหลักก็จะแตกย่อยออกเป็นหลายประเภทเช่น รูปแบบ Alternate ฯลฯ นับออกไปได้อีกเป็นจำนวนมาก แต่ที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างบ่อยจะมีรูปแบบอยู่ 9 รูปแบบ แต่เพื่อให้บทเรียนนี้ดูเข้าใจง่ายและกระชับ จะนำเสนอเพียง 5 รูปแบบที่เกิดขึ้นบ่อยมากที่สุด และ สังเกตุได้ง่าย สามารถนำไปใช้งานได้ทันที
ตารางล่างนี้คือสัดส่วนของ Harmonic Pattern ที่วัดด้วยฟิโบนัชชี
สำหรับรายละเอียดของสัดส่วนของรูปแบบต่างๆศึกษาได้จากหัวข้อถัดไป
เคล็ดลับการแบ่งโครงสร้างของ Harmonic Pattern
จากภาพล่างนี้จะหากสังเกตุจะเห็นวิธีการแบ่งประเภทหรือรูปแบบของ Harmonic Pattern ได้ดังนี้
1. จุด C และ D อยู่ในกรอบของระยะ X กับ A จะมี 2 รูปแบบคือ Gartley Pattern และ Bat Pattern
2. จุด C อยู่ในกรอบของระยะ X กับ A แต่จุด D อยู่นอกกรอบของระยะ X กับ A จะมี 2 รูปแบบคือ Butterfly Pattern และ Crab Pattern
หลักการสังเกตุรูปแบบ Harmonic Pattern
จุดสำคัญของการสังเกตุการเกิดรูปแบบของ Harmonic Pattern ทั้ง 5 รูปแบบ ได้แก่ Gartley Pattern , Bat Pattern , Butterfly Pattern , Crab Pattern ก็คือการหาจุด X และ A
จะหาจุด X และ A ได้อย่างไร
เมื่อมองย้อนหลังไปจากราคาปัจจุบัน มองหาจุดสวิงที่ใหญ่และชัดเจนมากที่สุด นั้นก็คือจุด X และ A
อาจใช้เครื่องมือ ZigZag Indicator (ตั้งค่ามาตรฐาน) ช่วยในการหาจุด X ไป A ได้เช่นกัน
การลากฟิโบนัชชีจะลากจากสวิงซ้ายมือ ไป ยังสวิงขวามือ ถ้ามองรูปแบบ Harmonic Pattern เป็นรูปตัว M จุด X จะอยู่ซ้ายด้านล่าง หากมองรูปแบบเป็น W จุด X จะอยู่มุมซ้ายด้านบน
หลังจากราคาทำจุด B ได้แล้ว หากราคาได้กลับตัวไปได้ตั้งแต่ 5 แท่งขึ้นไป ถือว่าจุดที่กลับตัวคือจุด B นั้นเอง ดังนั้นการมองหาจุด X และ A จึงเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการเทรดด้วยรูปแบบ Harmonic Pattern
จะเข้าออเดอร์ที่จุดไหนดีที่สุด
ในการใช้ Harmonic Pattern ในการเข้าออเดอร์ คือการเทรดแบบหาจุดกลับตัวของราคาสั้นๆ ณ.เวลานั้น ไม่ควรไปมองไกลว่าจะกลับตัวของเทรนด์ใหญ่ เพราะอาจจะทำให้พลาดกลายเป็นขาดทุน เพราะราคาวิ่งไปไม่ถึง TP ที่วางไว้ไกลเกินไป
จุดที่จะใช้เข้าออเดอร์ที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดด้วย Harmonic Pattern ก็คือจุด D เพราะมันคือจุดกลับตัวหลักของ Harmonic Pattern ส่วนกลับตัวแล้วจะไปได้ไกลแค่ไหนนั้นเป็นอีกเรื่อง และ ไม่ควรไปคาดหวังว่าราคาจะกลับตัวไปได้ไกลๆ
จุด D คือจุดที่ยืนยันรูปแบบของ Harmonic Pattern ว่ารูปแบบถูกต้องหรือไม่ เราสามารถรอการกลับตัวที่ชัดเจนของแท่งเทียน 3-5 แท่งที่จุด D ก่อนก็ได้ เพื่อความมั่นใจ เพราะหากรูปแบบของ Harmonic Pattern ถูกต้องโอกาสกลับตัวที่จุด D จะมีสูงมาก
ไทม์เฟรมไหนดีที่สุด
การเทรดด้วยรูปแบบ Harmonic Pattern ก็เช่นเดียวกันกับการเทรดด้วยเทคนิคอื่นๆ นั้นก็คือ ยิ่งไทม์เฟรมใหญ่ยิ่งมีความแม่นยำ สัญญาณหลอกน้อย สำหรับปัญหาที่พบของการเทรดด้วยรูปแบบ Harmonic Pattern ก็คือ “การยืนยันการกลับตัว”
การยืนยันการกลับตัวโดยใช้ไทม์เฟรม สมมุติผู้เรียนเปิดกราฟที่ H1 พบการกลับตัวของราคาเป็นขาลงประมาณ 5 แท่ง แต่เมื่อไปดูที่ H4 จะพบว่ายังไม่แสดงออกถึงการกลับตัวให้เห็น อาจเห็นเพียงแรงต่อต้านที่ไส้เทียนด้านบนเท่านั้น แสดงว่าการกลับตัวของราคาที่ H1 นั้นเป็นเพียงการย่อตัวเพื่อไปต่อในทิศทางก่อนหน้าเท่านั้น
ดังนั้นจำเป็นต้องรอให้ไทม์เฟรมทั้ง H1 และ H4 มีความชัดเจนของการกลับตัวที่สอดคล้องกันให้เห็นก่อน กรณีนี้อาจใช้ RSI ช่วยยืนยันรอบของตลาดที่ H4 ร่วมด้วยก็ได้ ถ้าราคามีโอกาสที่จะกลับตัวเป็นขาลงสัญญาณ RSI ใกล้ปัจจุบันที่ H4 จะต้องทำ Overbought ที่ชัดเจนก่อน รวมถึงการใช้สัญญาณ Divergence ร่วมยืนยันการกลับตัวด้วยก็จะเพิ่มความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
สรุปการเทรดด้วย Harmonic Pattern แนะนำให้เทรดตั้งแต่ H1 ขึ้นไปจะมีความแม่นยำและคาดการณ์การกลับตัวได้ง่ายกว่าไทม์เฟรมเล็ก
จะวางแผนจุด TP อย่างไรที่จะได้กำไรชัวร์ๆ
ตามที่ได้กล่าวมาแล้วว่าหากรูปแบบ Harmonic Pattern ถูกต้องโอกาสที่ราคาจะกลับตัวที่จุด D มีโอกาสสูง ที่เหลือความสำคัญต่อไปก็คือจะวางจุดทำกำไร TP อย่างไรดี
การเทรดที่ถูกต้องจะต้องมี TP อย่างน้อย 2 จุดขึ้นไป โดยใช้วิธีการแบ่งปิดทำกำไรจากออเดอร์เดียวก็จะได้ TP มากกว่า หนึ่ง TP เช่นเปิดออเดอร์ที่จุด D ด้วย Lot 0.03 เมื่อราคาวิ่งไปถึง TP1 ก็ทำการแบ่งปิดทำกำไรไป 0.02 ออเดอร์ที่เปิดที่จุด D จากเดิม 0.03 ก็จะกลายเป็นออเดอร์ 0.01 จากนั้นก็รอเก็บกำไรอีกรอบด้วยออเดอร์ 0.01 ที่ยังยังเปิดอยู่ล่าสุด วิธีการแบ่งปิดทำกำไรนี้เรียกว่า “Partial Close” หรือ “Partial Take Profit”
การแบ่งปิดทำกำไรที่ TP1 ก็คือการปิดการขาดทุนให้ออเดอร์นั้นทันที เป็นการเก็บกำไรตุนไว้ก่อน ส่วน TP2 ก็จะคล้ายกับโบนัสที่รอกำไรก้อนที่สองตามมา หากแบ่งได้มากกว่าสองออเดอร์ขึ้นไป ก็อาจจะมีโอกาสได้ TP ที่ไกลๆ ถือว่าเป็นโบนัสหลายชั้น
วิธีการวัด TP ด้วย Fibonacci Retracement จากจุด D
การหาระยะ TP นี้ใช้ได้ทั้งรูปแบบ M และ W โดยการใช้ Fibonacci Retracement หาระยะ TP โดยการลากจากจุด A ไปยังจุด D ก็จะได้ระยะ TP ดังนี้
- TP1 ที่ระดับ 38.2% ของ Fibonacci Retracement จากจุด A ไปจุด D
- TP2 ที่ระดับ 61.8% ของ Fibonacci Retracement จากจุด A ไปจุด D
การเข้าออเดอร์ที่จุด B ไปหา C หรือ C ไปหา D เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีประสบการณ์มากพอ การเข้าออเดอร์ที่จุด D เมื่อราคาเกิดการกลับตัวที่ชัดเจน คือจุดที่ดีที่สุดของการเทรดด้วย Harmonic Pattern
ตัวอย่างการตั้งค่า TP โดยลากฟิโบนัชชีจาก C ไป D
รูปแบบและสัดส่วนของ Harmonic Pattern รูปแบบต่างๆ
จากที่กล่าวมาแล้วว่าจะนำเสนอเฉพาะรูปแบบ Harmonic Pattern ที่เกิดขึ้นบ่อยมากที่สุด เพื่อง่ายต่อการจดจำและการนำไปใช้เทรดทำกำไร ซึ่งแก่ Gartley , Bat , Butterfly , Crab
Gartley Pattern
Gartley Pattern เป็นหนึ่งในรูปแบบ Harmonic Pattern ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดย Gartley Pattern จะมีรูปแบบหน้าตาเหมือนตัว M หรือ W ที่ชัดเจน ไม่ยุ่งยากในการดู และยังสามารถบ่งบอกถึงโอกาสการกลับตัวของราคาได้อย่างแม่นยำและให้ระดับความเสี่ยงที่ค่อนข้างต่ำกว่ารูปแบบอื่นๆ โดยมีจุด D คือจุดที่จะเข้าออเดอร์ อาจจะใช้การคาดการระยะของจุด D โดยใช้ฟิโบนัชชี แลัว วาง Pending limit order ได้เลย
*** ข้อสังเกตุจุด C และ D จะอยู่ภายในกรอบ X-A ***
ลากฟิโบฯจาก A ไป D จะได้ TP1=38.2% และ TP2=61.8%
Bat Pattern
โดยภาพรวมของ Bat Pattern ก็จะคล้ายๆกับ Gartley Pattern เพียงแต่ระยะการย่อของจุด B ไม่ลึกเท่านั้น การที่จุด B ย่อแค่ 38.2%-50% ของระยะ X กับ A แสดงว่าราคายังมีแรงในทิศทางหลักที่แข็งแกร่งอยู่ (แรงสวนทางน้อยในรอบแรก) แต่มีโอกาสที่ราคาสวนทางจะมีพลังเพิ่มขึ้นในการวิ่งสวนทางหรือแย่อตัวสวนทางในรอบครั้งที่สอง ส่งผลให้จุดกลับตัวที่จุด D ที่ลึกกว่า Gartley ทำให้การกลับตัวที่จุด D ใน Bat Pattern มักจะชัดเจนและแรงกว่า ราคามักจะวิ่งจากจุด D ไปได้แรง ถ้าเทรนด์หลักแข็งแรง
*** ข้อสังเกตุจุด C และ D จะอยู่ภายในกรอบ X-A ***
ลากฟิโบฯจาก A ไป D จะได้ TP1=38.2% และ TP2=61.8%
Butterfly Pattern
ข้อแตกต่างที่ชัดเจนของ Butterfly Pattern เมื่อเปรียบกับรูปแบบ Gartley Pattern และ Bat Pattern ก็คือจุด D ที่ออกมานอกกรอบ X-A คือออกนอกกรอบฝั่ง X ออกไป การที่จุด D ออกมานอกกรอบได้ไกล ก็จะได้ระยะการกลับตัวจากจุด D ไปได้ไกลมากขึ้น อาจปรับระยะ TP1 ไปเป็น 50%-61.8% และ TP2 อาจปรับขึ้นไปที่ 100%-127.2% หรือ มากกว่า
*** ข้อสังเกตุจุด C จะอยู่ในกรอบ X-A แต่ D จะอยู่ภายนอกกรอบฝั่ง X ***
ลากฟิโบฯจาก A ไป D จะได้ TP1=38.2% และ TP2=61.8%
Crab Pattern
รูปแบบจะ Crab Pattern จะมีรูปแบบเหมือน Butterfly Pattern แตกต่างกันที่จุด D ที่มีระดับความลึกที่มากกว่า Crab Pattern เมื่อราคากลับตัวจริงๆที่จุด D จะทำให้มีโอกาสที่ราคาจะไปได้ไกลกว่า Butterfly Pattern
*** ข้อสังเกตุจุด C จะอยู่ในกรอบ X-A แต่ D จะอยู่ภายนอกกรอบฝั่ง X ***
ลากฟิโบฯจาก A ไป D จะได้ TP1=38.2% และ TP2=61.8%
Deep Crab Pattern
จะมีรูปแบบแตกต่างจาก Crab Pattern ตรงจุด B ที่ Deep Crab Pattern ย่อตัวได้ลึกลงไปได้ถึง 88.6% เมื่อเทียบกับรูปแบบ Crab Pattern ที่ย่อตัวได้ไม่เกิน 61.8%
*** ข้อสังเกตุจุด C จะอยู่ในกรอบ X-A แต่ D จะอยู่ภายนอกกรอบฝั่ง X ***
ลากฟิโบฯจาก A ไป D จะได้ TP1=38.2% และ TP2=61.8%
ตารางสัดส่วนฟิโบนัชชีของ Harmanic Pattern
สำหรับการเทรดด้วย Harmonic Pattern ที่ถูกต้องตามหลักการ จะต้องรอให้เห็นรูปแบบทั้ง 4 ตำแหน่ง A-B-C-D ที่ชัดเจนก่อน เราก็จะรู้ได้ว่ารูปแบบที่เกิดขึ้นนี้เป็น Harmonic Pattern ประเภทอะไร จะได้หาจุดเข้าออเดอร์ และ ระยะ SL/TP ได้ถูกต้อง
โดยเฉพาะ จุด D ต้องรอให้เห็นการกลับตัวของแท่งเทียนประมาณ 3-5 แท่งขึ้นไปก่อน หรือ รอให้ราคากลับตัวไปก่อน แล้ว รอให้เกิดการ Pullback (ราคาย้อนกลับมา) แล้วจึงเข้าออเดอร์ และ ยังสามารถใช้อินดิเคเตอร์เช่น RSI ,CCI ,MACD หรือ Bollinger Band มาช่วยยืนยันการกลับตัวได้อีกด้วย
Cypher Pattern
Cypher Pattern เป็นรูปแบบที่ช่วยให้การเทรดง่ายและแม่นยำขึ้น เพราะมันมีโครงสร้างที่ชัดเจน ช่วยให้เรารู้ว่าควรเข้าเทรดตรงไหน จุดเข้าของ Cypher อยู่ในจุดที่ลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสได้กำไร เพราะมีตำแหน่งที่เหมาะเจาะกับการตั้ง Stop Loss และเป้าหมายกำไร มันใช้ได้กับทุกตลาดและทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเทรด Forex หุ้น หรือสินค้าอื่น ๆ ก็เอาไปใช้ได้หมด แถมยังช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะมีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน ไม่ต้องมานั่งเดา
*** ข้อสังเกตุจุด C จะหลุดออกนอกกรอบ X-A โดยอยู่นอกกรอบฝั่ง A ***
ลากฟิโบฯจาก C ไป D จะได้ TP1=38.2% และ TP2=61.8%
ตามภาพล่างนี้จุด C ยังไม่ชัดเจน เพียงแต่คาดการณ์ไว้ก่อนว่าน่าจะมีโอกาสเกิดเป็นรูปแบบ Cypher Pattern ในบางตำราก็ระบุว่าจุด C จะมีสัดส่วนที่ 113%-141.4% ถือว่าเป็นกรณีศึกษาการสังเกตุรูปแบบของ Harmonic Pattern ก็แล้วกัน
ตัวอย่างการวัดสัดส่วนของ Harmonic Pattern ด้วย Fibonacci
ในการวัดสัดส่วนของ Harmonic Pattern ด้วย ฟิโบนัชชี ตัวเลขในตารางนั้นเป็นเพียงค่าโดยประมาณ ซึ่งในการวัดของจริงอาจจะน้อยกว่ามากกว่าตัวเลขในตาราง ความสำคัญอยู่ที่การวัดจุด D ซึ่งแนะนำให้ใช้การวัดจาก B ไป C จะพบว่ามีความใกล้เคียงกว่าการวัดระหว่าง X ไป A
ทั้งหมด 5 รูปแบบหลักๆของ Harmonic Pattern ที่ได้ศึกษามาข้างต้น ก็น่าจะเพียงพอในการทำความเข้าใจถึงหลักการใช้งาน วิธีสังเกตุรูปแบบ และ การหาจุดเข้าออเดอร์ และ จุด วาง TP หรือ จุดออก ได้บ้างแล้ว เมื่อเข้าใจหลักการเทรดด้วย Harmonic Pattern ไปแล้ว คราวนี้จะพาผู้เรียนไปทำการออกแบบระบบ Auto Harmonic Pattern EA หรือ การสร้างเครื่องมือ Auto Scan Harmonic Pattern พร้อมโค้ดที่สามารถนำไปต่อยอดในการออกแบบ EA ของผู้เรียนต่อไป
การวัดหาราคาเป้าหมายหลังจุด D ของ Harmonic Pattern ด้วย Fibonacci
ในการเทรดด้วย Harmonic Pattern เป้าหมายของ TP หลังจากที่ราคาวิ่งออกจากจุด D ได้ดีที่สุดก็คือการใช้ Fibonacci Retracement ในการวัดระยะทางเป้าหมายได้เลย โดยมีวิธีการวัดดังนี้
การวัดราคาเป้าหมายของ Cypher ,Gartley ,Bat เนื่องจาก D อยู่ภายในกรอบ X -A จะใช้หลักการเดียวกันคือ
ใช้ Fibonacci ลากจาก C ไปหา D เพื่อหาระดับเป้าหมาย
TP1=61.8%
TP2=100%
TP3=127.2%
TP4=150%
ส่วน Butterfly นั้นจุด D อยู่นอกกรอบ X-A จะใช้การวัดด้วย Fibonacci Expansion แทน
ตัวอย่างการวัดหาระยะ TP ของ Cypher Harmonic Pattern โดยจะยกตัวอย่างเริ่มวางแผนการเทรดจาก H4 เพื่อให้มองเห็นภาพของการทำงานจนถึงการใช้ Harmonic Pattern ในการเทรด
แรกสุดที่เห็นใน H4 ก็คือท่อนราคาล่าสุดเป็นแท่งสีแดงขาลงขนาดใหญ่วิ่งต่อเนื่องลงมา แสดงถึงโมเมนตัมขาลงแรงมาก (ก่อนถึงเส้นเทรนด์ไลน์มีแท่งสีเขียวเพียง 5 แท่งเท่านั้น) โอกาสกลับตัวตามหลักการวัด Fibonacci Retracement แถวๆ 61.8% เป็นไปได้น้อย จึงเลือกใช้การตีเส้นเทรนด์ไลน์แทน เพื่อรอดูว่าราคาจะทะลุเส้น Trendline ลงไปได้หรือไม่
จากนั้นมาดูที่ H1 เพื่อให้เห็นแท่งราคาที่ลงมาที่เส้นเทรนด์ไลน์ที่ H4 ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากนั้นได้เห็นราคาทะลุ แนวรับ 1 และ 2 ลงมาได้ โดยเฉพาะแนวรับ 2 ซึ่งกลายไปเป็นแนวต้านในปัจจุบัน
เมื่อราคาทะลุแนวรับ 2 ลงไปได้ และกลายไปเป็นแนวต้านในปัจจุบันก็เพราะมันได้สร้าง Hidden Supply Zone ขึ้นมา ดังนั้นแนวรับ 2 จึงกลายมาเป็นโซนราคาแนวต้านโดยสมบูรณ์แบบที่มีเหตุผลอธิบายได้ ไม่ใช่การมโนเอาเองว่าแนวรับเปลี่ยนไปเป็นแนวต้านโดยการมองแค่ตำแหน่งราคาเทียบกับเส้นแนวนอน เราต้องมีนัยยะสำคัญอ้างอิง
เมื่อเกิด Supply Zone ที่เส้นเทรนด์ไลน์ และ ต่อมาราคาได้ย้อนกลับเข้าไปหาเส้นเทรนด์ไลน์ จึงครบองค์ประกอบแรกของการเกิด Retracement ของจุด B ใน Harmonic Pattern แต่เรายังไม่รู้หรอกว่าจะเป็น Harmonic Pattern รูปแบบใด ต้องรอให้เกิดจุด C และ D ก่อน
จากที่กล่าวมาเราได้เริ่มเห็นรูปแบบ Harmonic Pattern เบื้องต้นที่ H1 แล้ว เพื่อให้สามารถหารูปแบบ Harmonic Pattern ได้ง่ายขึ้น จึงย่อไทม์เฟรมมาที่ M15 เพื่อให้เห็นโครงสร้างของ Harmonic Pattern ได้ชัดเจน และ เห็นการเกิดสัญญาณ Bearish Divergence ที่ชัดเจน
การวัดหาราคาเป้าหมายเพื่อใช้เป็น TP นั้นก็ใช้วิธีลากเส้น Fibonacci Retracement จากจุด C ไปหาจุด D ก็จะได้ระดับเป้าหมายของ TP
หากต้องการนำเอา ZigZag Indicator มาใช้งานร่วมกับ Harmonic Pattern สามารถศึกษาเรื่องของ ZigZag Indicator ได้ที่ลิงค์นี้ https://topindy.com/fxdreema/zigzag
ผู้เรียนสามารถดาวน์โหลดไฟล์ Harmonic Auto Scan EA V1.0 ได้จากลิ้งค์ท้ายบทเรียนนี้
เนื้อหาของบทความนี้ทั้งหมด จะดูได้เฉพาะสมาชิกที่สมัครเรียนเท่านั้น
หากต้องการสมัครเข้าเรียนสามารถติดต่อได้ที่ช่องทางติดต่อสอบถามได้ที่ด้านล่างของเว็บนี้